วันที่ 9 เม.ย.55 เมื่อเวลา 10.00 น. นายวันซำซูดิน ดินวันฮูเซ็น ประธานชมรมต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซีย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลัง จากที่นักการเมืองและสื่อในประเทศไทยหลายแขนง ได้ลงข่าวว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้พบปะกับแกนนำขบวนการพูโล ที่ประเทศมาเลเซีย และนำเอารูปและชื่อของตนไปเขียนว่าเป็น "นายซำซูงดิง คาน" ส่งผลกระทบต่อตนเอง และชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อยู่ในชมรมต้มยำกุ้งอย่างมาก เนื่องจากทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าตนเป็นแกนนำพูโล และชมรมต้มยำกุ้งเป็นขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ทำให้ขณะนี้ ถูกสันติบาลในประเทศมาเลเซียจับตา และติดตามความเคลื่อนไหว ซึ่งอาจจะส่งผลให้รัฐบาลมาเลเซียไม่ไว้วางใจ และผลักดันให้คนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปทำงานเป็นลูกจ้างในร้านต้มยำกุ้งออกจาก ประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ และอาชีพของคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายวันซำซูดิน กล่าวต่อไปว่า ชมรมต้มยำกุ้งเกิดขึ้นกว่า 20 ปี เป็นการรวมตัวของคนมุสลิมใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งในเรื่องการทำงาน เงินทุน และการอยู่อาศัยในประเทศมาเลเซีย ซึ่งยอมรับว่ามีแรงงานในร้านต้มยำกุ้งส่วนหนึ่งไม่มีใบอนุญาตในการทำงาน เป็นแรงงานเถื่อนที่ถือหนังสือเข้าประเทศในรูปแบบทัวริสต์ และในรูปแบบบอเดอร์พาส คือไปเยี่ยมญาติ ต้องมีการจ็อบหนังสือเดินทางเข้า-ออก ทุกเดือน การก่อตั้งเป็นชมรม จึงเป็นการช่วยเหลือแรงงานใน 5 จังหวัดให้อยู่ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งไม่มีเรื่องของการก่อการร้ายอย่างที่เป็นข่าว
ปัจจุบัน เฉพาะในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงของมาเลเซียเพียงแห่งเดียว มีร้านต้มยำกุ้งของคนไทยจำนวน 5,000 กว่าร้าน แต่ละร้านมีแรงงาน หรือลูกจ้าง ที่เป็นคนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำงานอยู่ 20-30 คน เฉพาะที่นี่ทีเดียว มีแรงงานไทยกว่า 100,000 คน ถ้ารวมร้านต้มยำกุ้ง และแรงงานไทยทั้ง 13 รัฐ มีแรงงานจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ทำงานอยู่กว่า 200,000 คน มีรายได้คนละ 8,000-20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเงินเหล่านี้ส่วนหนึ่งส่งไปให้ครอบครัวที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ดังนั้น หากประเทศมาเลเซียทำการเข้มงวดกวาดล้างแรงงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน และหวาดระแวงว่าชมรมต้มยำกุ้งเป็นภัย และสร้างปัญหาระหว่างประเทศจะมีผลกระทบต่อแรงงานไทยในทันที ที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐไม่เคยให้ความสำคัญกับแรงงานไทยในร้านต้มยำกุ้ง ทั้งที่แรงงานเหล่านี้ส่งเงินกลับประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท ยกเว้นก่อนจะมีการเลือกตั้ง ก็จะมีผู้สมัคร และพรรคการเมืองเข้าไปพบปะ และกล่าวว่า จะมีนโยบายในการแก้ปัญหาแรงงาน แต่ขอให้กลับมาลงคะแนนเลือกตั้ง หลังจากเลือกตั้งเสร็จ ก็ไม่มีการทำตามคำพูด
และเมื่อมีการประสานงานจากเจ้าหน้าที่รัฐว่า ศอ.บต. มีนโยบายในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่อยู่ในชมรมฯ ทั้งในเรื่องทำให้แรงงานเป็นแรงงานที่ถูกต้อง และหาเงินกู้ในการลงทุน ตนเองจึงยินดีที่จะมาพบกับคณะของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ทั้งที่กรรมการในชมรมรุ่นเก่าๆ ได้เตือนว่าอย่ายุ่งกับเจ้าหน้าที่รัฐเพราะมีแต่จะเดือดร้อน แต่ตนเองเห็นว่า ศอ.บต.มีเจตนาดี จึงยอมมาพูดคุยด้วย
แต่สุดท้าย ตนเองและชมรมต้มยำกุ้งต้องกลายเป็น “แพะ” และเมื่อเกิดความเดือดร้อนขึ้น สมาชิกในชมรมทุกคนก็กล่าวหาว่า ตนเองเป็นคนผิดที่เตือนแล้วไม่เชื่อ ซึ่งขณะนี้ ตนเดือดร้อนมากจึงอยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“ผมชื่อวันชำซูดิง ดินวันฮูเซ็น เป็นคน จ.ยะลา เดินทางมาประกอบอาชีพร้านต้มยำกุ้ง 25 ปีแล้ว เป็นคนละคนกับ ซำซูงดิง คาน และ ชมรมต้มยำกุ้งไม่ใช่เป็นชมรมของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย แต่เป็นชมรมคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือกัน จึงต้องการให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน
และขอให้หน่วยงานของรัฐทำความเข้าใจกับประเทศมาเลเซียใน เรื่องที่เกิดขึ้น อย่าให้ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย ต้องทำให้คนกว่า 200,000 คน ในประเทศมาเลเซียต้องเคราะห์ร้ายด้วย เพราะแรงงานเหล่านี้ส่งเงินที่ได้จากประเทศมาเลเซียให้แก่ครอบครัวในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ปีละกว่า 300 ล้านบาท ถ้าพวกเขาเดือดร้อน ครอบครัวของเขาต้องเดือดร้อนด้วย” นายวันซำซูงดิงกล่าวในท้ายที่สุด
และเมื่อมีการประสานงานจากเจ้าหน้าที่รัฐว่า ศอ.บต. มีนโยบายในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่อยู่ในชมรมฯ ทั้งในเรื่องทำให้แรงงานเป็นแรงงานที่ถูกต้อง และหาเงินกู้ในการลงทุน ตนเองจึงยินดีที่จะมาพบกับคณะของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ทั้งที่กรรมการในชมรมรุ่นเก่าๆ ได้เตือนว่าอย่ายุ่งกับเจ้าหน้าที่รัฐเพราะมีแต่จะเดือดร้อน แต่ตนเองเห็นว่า ศอ.บต.มีเจตนาดี จึงยอมมาพูดคุยด้วย
แต่สุดท้าย ตนเองและชมรมต้มยำกุ้งต้องกลายเป็น “แพะ” และเมื่อเกิดความเดือดร้อนขึ้น สมาชิกในชมรมทุกคนก็กล่าวหาว่า ตนเองเป็นคนผิดที่เตือนแล้วไม่เชื่อ ซึ่งขณะนี้ ตนเดือดร้อนมากจึงอยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“ผมชื่อวันชำซูดิง ดินวันฮูเซ็น เป็นคน จ.ยะลา เดินทางมาประกอบอาชีพร้านต้มยำกุ้ง 25 ปีแล้ว เป็นคนละคนกับ ซำซูงดิง คาน และ ชมรมต้มยำกุ้งไม่ใช่เป็นชมรมของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย แต่เป็นชมรมคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือกัน จึงต้องการให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน
และขอให้หน่วยงานของรัฐทำความเข้าใจกับประเทศมาเลเซียใน เรื่องที่เกิดขึ้น อย่าให้ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย ต้องทำให้คนกว่า 200,000 คน ในประเทศมาเลเซียต้องเคราะห์ร้ายด้วย เพราะแรงงานเหล่านี้ส่งเงินที่ได้จากประเทศมาเลเซียให้แก่ครอบครัวในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ปีละกว่า 300 ล้านบาท ถ้าพวกเขาเดือดร้อน ครอบครัวของเขาต้องเดือดร้อนด้วย” นายวันซำซูงดิงกล่าวในท้ายที่สุด
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป