วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รองผู้ว่าฯชุมพรสั่งขึ้นบัญชีดำคนบุกรุกป่า

 ชุมพร -รองผู้ว่าฯชุมพร สั่งขึ้นบัญชีดำ กลุ่มผู้บุกรุกพื้นที่ป่า เผย อ.ท่าแซะ อันดับ 1 มีนักการเมือง ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐทำเอง
      
       วันที่ 8 ก.พ.55 ที่ห้องประชุมศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลพื้นที่ป่ากว่า 20 หน่วยงาน จากหลายสังกัดของจังหวัดชุมพร ร่วมกันเพื่อบูรณาการ การทำงานในการป้องกันและแก้ไขการบุกรุกพื้นที่ป่า
      
       ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่ผ่านมา มีการร้องเรียนเรื่องการตัดไม้ทำลายป่า และการบุกรุกยึดครองพื้นที่ป่าเพื่อปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ป่าไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก นายพินิจ เจริญพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร จึงสั่งการให้หน่วยงานที่ดูแลป่าทุกกรม ทุกกระทรวง บูรณาการ การปฏิบัติงานให้ชัดเจน เพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเพื่อให้การปฎิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่สั่งการให้ดำเนินการป้องกันปราบ ปรามผู้มีอิทธิพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า
      
       อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่แต่ละหน่วยงาน รายงานต่อที่ประชุม คือ ปัญหาเรื่องงบประมาณและอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ไม่สอดคล้องกับภาระหน้าที่ ซึ่งต้องดูแลพื้นที่ป่านับแสนไร่ ทำให้การบุกรุกป่ายังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีการจับกุมดำเนินคดีได้บางส่วนก็ตาม นอกจากนี้ปัญหาด้านโครงสร้างของหน่วยราชการ ภายหลังปฏิรูประบบราชการก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ หน่วยงานดูแลพื้นที่ป่า สังกัดส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ไม่เป็นเอกภาพ ขาดการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด
      
       นอกจากนั้น ในที่ประชุมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อมูลจัดทำบัญชีดำ กลุ่มผู้บุกรุกพื้นที่ป่า ทั่วทั้งจังหวัดชุมพร เพื่อคัดแยกปัญหาที่เกิดขึ้น หากพื้นที่ใดสามารถแก้ไขในระดับจังหวัดได้ก็ให้ดำเนินการทันที สำหรับบัญชีผู้บุกรุกป่าที่จัดทำขึ้นให้ทางคณะกรรมการถือเป็นความลับ และจะดำเนินการอย่างรอบครอบ โดยนำข้อมูลจากประชาชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ มาประกอบการพิจารณาด้วย
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ป่าสงวนที่มีการบุกรุกมากที่สุดในพื้นที่จังหวัดชุมพร ได้แก่ อ.ท่าแซะ และ อ.สวี โดยเฉพาะผืนป่าท่าแซะโดยมีกลุ่มนายทุนส่วนใหญ่เป็น นักการเมือง ทั้งระดับจังหวัด ระดับท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้เข้าไปบุกรุกยึดครองปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน กันจำนวนมาก สำหรับผลงานการจับกุมของหน่วยงานเกี่ยวข้องส่วนใหญ่เป็นเป็นการจับกุมชาว บ้านหาเช้ากินค่ำธรรมดา ส่วนกลุ่มนายทุน นักการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐ ยังคงบุกรุกยึดครองกันตามปกติ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนบางกลุ่มเข้าไปรับผลประโยชน์
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป