พัทลุง - สัตว์น้ำในทะเลสาบลำปำแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.พัทลุง ลอยตายเกลื่อนส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ และยังขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากน้ำเน่าเสีย และออกซิเจนในน้ำน้อย พ่อค้าแม่ค้าวอนรัฐช่วยแก้ปัญหาด่วนก่อนนักท่องเที่ยวหดหาย แต่ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าแก้ไขปัญหา หรือเก็บซากปลาขึ้นจากทะเลสาบมากำจัดแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พัทลุง ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.55 ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีปลาหลายชนิด รวมทั้งสัตว์น้ำต่างๆ ในทะเลสาบลำปำ (ทะสาบสงขลาตอนใน) ลอยน้ำตายเกลื่อนกลาดจนสิ่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง โดยเหตุเกิดบริเวณริมเขื่อนกั้นดินพังริมชายหาดแสนสุขลำปำ ต.ลำปำ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.พัทลุง และเป็นที่ตั้งของบรรดาร้านค้าที่บริการอาหารแก่นักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างจังหวัดเป็นจำนวนหลายร้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พัทลุง ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.55 ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีปลาหลายชนิด รวมทั้งสัตว์น้ำต่างๆ ในทะเลสาบลำปำ (ทะสาบสงขลาตอนใน) ลอยน้ำตายเกลื่อนกลาดจนสิ่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง โดยเหตุเกิดบริเวณริมเขื่อนกั้นดินพังริมชายหาดแสนสุขลำปำ ต.ลำปำ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.พัทลุง และเป็นที่ตั้งของบรรดาร้านค้าที่บริการอาหารแก่นักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างจังหวัดเป็นจำนวนหลายร้าน
จากการตรวจสอบในทะเลสาบลำปำ บริเวณริมเขื่อนกั้นดินพังดังกล่าวซึ่งมีระดับน้ำลึกประมาณ 1 เมตร พบชาวบ้าน และเด็กๆ ใช้สวิงขนาดเล็กตักปลาชนิดต่างๆ ที่ลอยอยู่ในทะเลสาบลำปำ บางรายก็ใช้มือเปล่าจับปลาที่ว่ายน้ำเอาตัวรอดมาหลบซ่อน และตายอยู่ในพงผักตบชวา ส่วนปลาขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านหาได้นั้นจะเป็นปลานิล ปลาช่อน ปลาดุก ปลายี่สก ปลาหมอช้างเหยียบ (ปักษ์ใต้เรียกว่าปลาซับ) ฯลฯ โดยปลาขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านหาได้นั้นส่วนใหญ่จะจมน้ำเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง ในขณะเดียวกัน ก็มีฝูงนกยาง นกนางนวล นกเป็ดน้ำ และนกชนิดต่างๆ บินลงมาโฉบกินปลาที่ลอยเน่าเสียชีวิต และส่งกลิ่นเน่าเหม็นเป็นจำนวนมากเช่นกัน
นายเที่ยง เพชรรัตน์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ชุมชนตลาดเก่าลำปำ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ 2-3 วัน ตนได้มางมหาหอยในน้ำเพื่อนำไปเกี่ยวเหยื่อตกปลาดุกทะเลในบริเวณทะเลสาบลำปำ ก็พบว่า บริเวณดังกล่าวน้ำส่งกลิ่นเหม็นจนแทบหาหอยไม่ได้ มาวันนี้ (18 พ.ย.) ปลาชนิดต่างๆ รวมทั้งพันธุ์สัตว์น้ำชนิดต่างๆ ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ลอยตายเป็นจำนวนมากอย่างน่าเสียดาย
ในขณะที่แม่ค้าริมทะเลสาบลำปำ กล่าวว่า ในช่วง 10-15 วันที่ผ่านมา จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสั่งอาหารกินน้อยมาก เนื่องจากน้ำในทะเลสาบส่งกลิ่นเน่าเหม็น ในยามที่ลมทะเลพัดเข้ามาหาฝั่งในตอนเย็นๆ นั้น นักท่องเที่ยวหลายรายต้องเลิกกินอาหาร โดยสั่งใส่ถุงไปกินที่บ้านแทน ตนจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย ก่อนที่บรรดาเจ้าของร้านค้าริมชายหาดแสนสุขสาบลำปำจะย่ำแย่มากไปกว่านี้
นายเที่ยง เพชรรัตน์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ชุมชนตลาดเก่าลำปำ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ 2-3 วัน ตนได้มางมหาหอยในน้ำเพื่อนำไปเกี่ยวเหยื่อตกปลาดุกทะเลในบริเวณทะเลสาบลำปำ ก็พบว่า บริเวณดังกล่าวน้ำส่งกลิ่นเหม็นจนแทบหาหอยไม่ได้ มาวันนี้ (18 พ.ย.) ปลาชนิดต่างๆ รวมทั้งพันธุ์สัตว์น้ำชนิดต่างๆ ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ลอยตายเป็นจำนวนมากอย่างน่าเสียดาย
ในขณะที่แม่ค้าริมทะเลสาบลำปำ กล่าวว่า ในช่วง 10-15 วันที่ผ่านมา จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสั่งอาหารกินน้อยมาก เนื่องจากน้ำในทะเลสาบส่งกลิ่นเน่าเหม็น ในยามที่ลมทะเลพัดเข้ามาหาฝั่งในตอนเย็นๆ นั้น นักท่องเที่ยวหลายรายต้องเลิกกินอาหาร โดยสั่งใส่ถุงไปกินที่บ้านแทน ตนจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย ก่อนที่บรรดาเจ้าของร้านค้าริมชายหาดแสนสุขสาบลำปำจะย่ำแย่มากไปกว่านี้
อย่างไรก็ตาม นายสิทธิสาร ศรีชุมพวง ประมงจังหวัดพัทลุง และ น.ส.สุภาพ สังขไพฑูรย์ นักวิชาการการประมงชาญนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพัทลุง และคณะ ได้เข้าตรวจสอบวัดปริมาตรน้ำในจุดดังกล่าว พบว่า ออกซิเจนละลายน้ำมีค่าเป็นศูนย์ ระดับความเค็ม 2 พีพีที ค่าคาร์บอนไดออกไซด์ 26 มิลลิกรัม/ลิตร และค่าพีเอส 369 มิลลิกรัม/ลิตร จึงพอสรุปในเบื้องต้นได้ว่า การตายของปลา และพันธุ์สัตว์น้ำในครั้งนี้มาจากสาเหตุการขาดออกซิเจน
นายสิทธิสาร ประมงจังหวัดพัทลุง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จากการนำเรือตรวจการณ์กรมประมงออกสำรวจสภาพน้ำในทะเลสาบลำปำ ห่างจากชายฝั่งประมาณ 500 เมตร พบว่า ทุกๆ ปีในช่วงดังกล่าวนี้จะเกิดฝนตกหนัก ซึ่งน้ำในทะเลจะพัดพาสาหร่ายออกสู่กลางทะเลสาบ แต่ในปีนี้เกิดฝนทิ้งช่วง ทำให้สาหร่ายที่หนาแน่นในบริเวณดังกล่าวตาย และเน่าเหม็นจนทำให้ปลา และพันธุ์สัตว์น้ำเสียชีวิตดังกล่าว โดยเฉพาะพันธุ์กุ้งก้ามกรามซึ่งใช้แหล่งดังกล่าวเป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนต้องล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสูญเสียพันธุ์สัตว์น้ำครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ทางสำนักงานฯ จะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เทศบาลเมืองพัทลุง เร่งแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป
นายสิทธิสาร ประมงจังหวัดพัทลุง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จากการนำเรือตรวจการณ์กรมประมงออกสำรวจสภาพน้ำในทะเลสาบลำปำ ห่างจากชายฝั่งประมาณ 500 เมตร พบว่า ทุกๆ ปีในช่วงดังกล่าวนี้จะเกิดฝนตกหนัก ซึ่งน้ำในทะเลจะพัดพาสาหร่ายออกสู่กลางทะเลสาบ แต่ในปีนี้เกิดฝนทิ้งช่วง ทำให้สาหร่ายที่หนาแน่นในบริเวณดังกล่าวตาย และเน่าเหม็นจนทำให้ปลา และพันธุ์สัตว์น้ำเสียชีวิตดังกล่าว โดยเฉพาะพันธุ์กุ้งก้ามกรามซึ่งใช้แหล่งดังกล่าวเป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนต้องล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสูญเสียพันธุ์สัตว์น้ำครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ทางสำนักงานฯ จะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เทศบาลเมืองพัทลุง เร่งแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป
และล่าสุด วันที่ 19 พ.ย.55 จากการสำรวจของผู้สื่อข่าวเมื่อเช้าที่ผ่านมา พบว่าปลายังคงลอยตายขยายวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนไปถึงแหล่งหวงห้ามจับสัตว์น้ำของวัดป่าเลไลย์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แม้เมื่อคืนที่ผ่านมา ฝนจะตกลงมาแล้วก็ตาม แต่ยังไม่สามารถลดความเค็มของน้ำได้ ทำให้ปลาเริ่มเงยหัว และลอยตายส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ลงพื้นที่ดำเนินการแก้ไขปัญหา หรือเก็บปลาที่เน่าเหม็นขึ้นจากทะเลสาบเพื่อกำจัดแต่อย่างใด
ข้อมูลจาก.. ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป