วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

โก-ลกเดือด เผยกู้ได้อีก 1 จุด หลังระเบิด 3 จุด คร่าแล้ว 3 ศพ สาหัสร่วม 30

นราธิวาส - โก-ลก เดือด คนร้ายลอบวางระเบิดป่วนเมืองทั้ง 4 จุด เก็บกู้ได้ 1 จุด ขณะนี้เหตุการณ์สงบแล้ว มียอดผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บรวม 60 ราย สาหัสร่วม 30 ราย โดยถูกลำเลียงส่ง รพ.สุไหงโก-ลก และ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบรายชื่อผู้บาดเจ็บ
      
       
วันที่ 16 ก.ย.54 เมื่อเวลา 18.40 น. ได้เกิดเหตุจักรยานยนต์บอมบ์ที่คนร้ายลอบนำมาจอดทิ้งไว้บนถนน ตรงข้ามประตูทางเข้าสมาคมแต้จิ๋ว ข้างร้านบาร์เบียร์ ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.เจริญเขต ซอย 3 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ระเบิดขึ้น โดยแรงระเบิดทำให้พนักงานบริการ นักท่องเที่ยว และประชาชนที่เดินผ่านสัญจรไปมาได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย
      
       ต่อมา เวลาประมาณ 18.55 น. ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ได้เกิดระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์ขึ้นอีก 1 จุด ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร ที่บริเวณสามแยกทางเข้าสำนักงานองค์การโทรศัพท์ สาขาสุไหงโก-ลก โรงแรมปาร์คสัน ซึ่งจุดดังกล่าวนี้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและมาเลเซียถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บหลายรายเช่นกัน
      
       และเมื่อเวลา 19.20 น. ได้เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่คนร้ายได้นำมาซุกซ่อนไว้ภายในรถยนต์เก๋ง ก่อนขับนำมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณสี่แยกข้างร้านจำหน่ายอาหาร ซึ่งตรงอยู่ตรงข้ามโรงแรมเมอร์ลิน ห่างจากโรงพักสุไหงโก-ลก ประมาณ 80 เมตร ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 20-30 กก. แรงระเบิดส่งผลทำให้ร้านค้าได้รับความเสียหายหลายหลัง แถมกระจกด้านข้างขนาดใหญ่ของโรงแรมเมอร์ลินได้รับความเสียหายด้วย ซึ่งจุดดังกล่าวนี้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย
      
       โดยล่าสุดภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดขึ้น ทำให้ระบบการสื่อสารด้วยโทรศัพท์มือถือทั้งอำเภอขัดข้อง พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นการจราจรตามถนนสายต่างๆ ที่มุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุ จนการจราจรเป็นอัมพาตทั้งเมือง นอกจากนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้ระเบิดแสวงเครื่อง โดยได้ยิงทำลายได้อีกจำนวน 1 ลูก ในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุด้วย
      
       ทั้งนี้ รายงานความเสียหายในเบื้องต้นรวมทั้ง 3 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทราบชื่อ 1 รายคือ นายเดชสันต์ โรจน์สุนันท์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิธารน้ำใจ ส่วนผู้บาดเจ็บมีมากกว่า 60 ราย โดยบาดเจ็บสาหัส 30 ราย ทราบชื่อ 2 ราย คือ นายศักดิ์ แซ่เฮง อายุ 34 ปี และนายภมร พรพานิช อายุ 40 ปี
      
       ทั้งนี้ รายชื่อผู้บาดเจ็บกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากมีการลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งไปยังโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ทั้ง 2 แห่ง จากรายงานเบื้องต้น ทราบว่า เป็น อส.สุไหงโก-ลก 3 ราย คือ 1.อส.กาซานี อาแวนิ 2.อส.ไซนา บินมามะ และ 3.อส.ศรายุทธ หวังสันติสุข ส่วนทหารบาดเจ็บจำนวน 4 นาย เป็นชุด ฉก.นราธิวาส 36 ทราบชื่อ 1 นาย คือ ร.อ.ธีรพงษ์ สุวรรณเวศ ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบรายชื่อผู้บาดเจ็บอย่างละเอียด
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

จ่อยิง ตร.และอส. ขณะละหมาดวันศุกร์ดับคาที่ 2 ศพ ชาวบ้านสาหัส 3 ราย

ยะลา - โจรใจบาปทำทีเข้ามาละหมาด ก่อนจ่อยิง ตร. และ อส. ดับคาที่รวม 2 ราย ขณะกำลังละหมาดวันศุกร์ภายในมัสยิด นอกจากนี้ กระสุนยังพลาดไปถูกชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงเจ็บอีก 3 ราย ตร. คาดกลุ่มก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์
              วันที่ 16 ก.ย.54 เวลา 13.40 น. พ.ต.ท.จรัส ชิณนะพงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ในมัสยิดอายนุรยากีน หมู่ 2 บ้านบือแนยือระ ต.บุดี
      
       จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี ผกก.พ.ต.ท.สนธยา ธูปทอง รอง ผกก.ป.จ.ส.อ.อดิศักดิ์ ทับเที่ยง ปลัดป้องกันอำเภอเมืองยะลา สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองเดินทางไปสอบสวน
      
       ที่เกิดเหตุอยู่ในบริเวณมัสยิด ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียนอุดมศาสน์วิทยา หรือ ปอเนาะตืองอ พบศพ ด.ต.อารง มาลายา อายุ 48 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.โกตาบารู อ.รามัน และ นายมาหะมะ ยามา อายุ 50 ปี เป็น อส.อ.กาบัง โดยทั้งคู่ถูกยิงที่ศีรษะ นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้น
      
       นอกจากนี้ ยังมีผู้ถูกกระสุนปืนบาดเจ็บอีก 3 ราย ทราบชื่อคือ นายอับดุลวาหะ ตาเละ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/4 หมู่ 5 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ถูกกระสุนที่หัวแม่เท้าซ้าย นายสือมา โยะมา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 2 ต.บุดี ถูกยิงที่ข้อเท้าซ้าย และนายอันนูวา เด็ง อายุ 37 ปี ราษฎรใน ต.บุดี กระสุนเจาะเอว ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว
      
       จากสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ต.อารง มาลายา และ นายมาหะมะ ยามา ผู้เสียชีวิต พร้อมผู้บาดเจ็บอีก 3 คน กำลังร่วมทำพิธีละหมาดวันศุกร์ภายในมัสยิด ปรากฏว่า ระหว่างนั้นมีคนร้าย 2 คน แต่งกายสวมเสื้อแขนยาว นุ่งโสร่ง ทำทีเข้ามาร่วมละหมาดด้วย โดยยืนอยู่ด้านหลังผู้เสียชีวิตที่ยืนอยู่ติดกัน ทันใดนั้นคนร้ายทั้งสองได้ชักอาวุธปืนพกสั้น คาดว่าเป็นขนาด .38 ออกมาจ่อกระหน่ำยิงศีรษะผู้เสียชีวิตทั้งคู่ จนล้มลงเสียชีวิตคาที่
      
       นอกจากนี้ กระสุนปืนของคนร้ายยังพลาดไปถูกชาวบ้านที่มาร่วมละหมาดได้รับบาดเจ็บด้วยอีก 3 ราย หลังก่อเหตุคนร้ายทั้ง 2 คน ได้รีบวิ่งออกจากมัสยิดไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนคนร้ายอีกคนมารออยู่ ขับหลบหนีไปทาง ต.เนินงาม อ.รามัน อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือพวกก่อความไม่สงบพยายามสถานการณ์
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ระเบิด-ยิงถล่มฐานทหารเจาะไอร้องกลางดึก พลทหารเจ็บ 3 นาย

นราธิวาส - คนร้ายเหิมหนัก วางระเบิดดักปลิดชีพทหารล่อ จนท.ประจำฐานเจาะไอร้อง ออกไปตรวจสอบ ก่อนกระหน่ำยิงถล่มฐานปฏิบัติการซ้ำ จนเปิดฉากปะทะกันขึ้น เป็นเหตุให้พลทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ทั้งนี้ คาดว่าคนร้ายมีการวางแผนล่วงหน้าอย่างดี เนื่องจากแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด ในการกดชนวนระเบิดและถล่มยิงฐานทหาร
วันที่ 16 ก.ย.54 เมื่อเวลา 07.30 น. พ.ต.ท.ฉลอง รัตนภักดี รอง ผกก.ป.สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ร.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พงศ์พัฒน์วิเชียร ผบ.ร้อย ร.15114 ฉก.นราธิวาส 31 ร.ต.ท.นัฐวิทย์ บำเพ็ญศรี รอง สว.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบ เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงถล่มฐานปฏิบัติการทหารสังกัด ร้อย ร.15114 ฉก.นราธิวาส 31 ซึ่งตั้งอยู่บ้านลูโบ๊ะเยาะ ม.7 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ พลทหารสมบูรณ์ ชุงกลิ้ง อายุ 22 ปี พลทหารสาหัส คงชู อายุ 23 ปี และ พลทหารวีระวัฒน์ อาหาระ อายุ 23 ปี โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มคนร้ายจะวางแผนลวงดักสังหารเจ้าหน้าที่ขณะเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
      
       โดยจุดแรก เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณกอกล้วยริมถนนปากทางเข้าฐานปฏิบัติการทหาร ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด พบกอกล้วยถูกอนุภาพระเบิดได้รับความเสียหายและมีหลุมลึก 2 ฟุต กว้าง 2 ฟุต พร้อมทั้งมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องแบบเคโม หนัก 10 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
      
       ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดที่ 2 ซึ่งเป็นบริเวณป่าสวนยางพาราหลังฐานปฏิบัติการทหาร พบปลอกกระสุนปืนสงคราม อา.ก้า. เอ็ม.16 และกระสลูกซอง ของกลุ่มคนร้ายตกกระจายอยู่ จำนวน 3 จุดใหญ่ รวมทั้งสิ้นกว่า 100 ปลอก ส่วนบริเวณหลังฐาน พบกระสอบบังเกอร์ถูกกระสุนปืนของคนร้ายได้รับความเสียหายบางส่วน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ
      
       จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.อ.ศราวุธ คงเมือง หัวหน้าชุด ร้อย ร.15114 ฉก.นราธิวาส 31 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร รวม 6 นาย เดินเท้าออกจากฐานเพื่อไปตั้งจุดตรวจสกัดภายในหมู่บ้าน เมื่อถึงบริเวณ 3 แยกทางเข้าฐาน ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน อาศัยความมืดแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง และใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้บริเวณกอกล้วย จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นายดังกล่าว
      
       จากนั้น กลุ่มคนร้ายอีกชุดหนึ่งซึ่งมีจำนวน 10 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ ได้อาศัยความมืดลอบแฝงตัวเข้าไปในป่าสวนยางพาราซึ่งอยู่ด้านหลังของฐาน และใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่ฐานปฏิบัติการทหาร จนทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันเป็นระลอกๆ นานร่วม 10 นาที หลังเสียงปืนสงบลง ร.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ผบ.ร้อย ร.15114 ฉก.นราธิวาส 31 จึงได้สั่งการให้ทหารจำนวนหนึ่ง เดินทางไปสนับสนุนยังจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่งตัวรักษายังโรงพยาบาลเจาะไอร้อง
      
       ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายได้มีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี โดยแยกกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกวางระเบิดลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่ โดยล่อเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ประจำฐานออกไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนคนร้ายชุดที่ 2 จะทำการยิงถล่มซ้ำใส่ฐานทหารทันที เพราะคาดว่าทหารมีกำลังน้อย แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารอ่านเกมออก จึงทำให้ฐานปฏิบัติการทหารรอดจากการถูกกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปโจมตีภายในฐานได้
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ชลประทานตรังเร่งขุดลอกคลองรับมือมรสุมปลายปีนี้

ตรัง - โครงการชลประทานตรัง เร่งขุดลอกลำคลอง 2 สายหลัก เพื่อให้ทางน้ำไหลสะดวก พร้อมทุ่งงบ 161 ล้านบาท ฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากอุทกภัย ก่อนข้าช่วงมรสุมปลายปีนี้
      
       
นายวิรัช สุกิจมงคลกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานตรัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการขุดลอกคลองนางน้อย ที่มีความยาวประมาณ 35 กิโลเมตร เพื่อเป็นการแก้ปัญหาและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ว่า ล่าสุดได้ทำการขุดลอกคลองไปแล้ว 7 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ ตำบลนาโยงใต้ อำเภอเมืองตรัง และตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง รวมทั้งการขุดลอกคลองน้ำเจ็ด ที่มีความยาวประมาณ 20 กิโลเมตร โดยล่าสุดได้ทำการขุดลอกคลองไปแล้ว จำนวน 6 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ตำบลทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง รวมทั้งตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลนาพละ อำเภอเมืองตรัง และตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง ด้วย
      
       ทั้งนี้ เนื่องจากคลองน้ำเจ็ด และคลองนางน้อย จะเป็นจุดรับน้ำที่ไหลมาจากอำเภอนาโยง ผ่านตัวเมืองตรัง ก่อนไหลลงสู่ทะเลอันดามัน ซึ่งเมื่อใดที่เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ น้ำในคลองทั้ง 2 สายก็จะเอ่อล้นตลิ่ง แล้วบ่าไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ยิ่งหากเกิดน้ำทะเลหนุนขึ้นด้วย ก็จะทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมหลายวัน จนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
      
       สำหรับการขุดลอกคลองนางน้อย และคลองน้ำเจ็ดนั้น จะช่วยให้ระบายน้ำได้เร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า อีกทั้งยังจะทำให้ลดปัญหาการเกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันได้ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการขุดลอกคลอง ไปแล้วประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยโครงการชลประทานตรัง ได้นำเครื่องจักรเร่งขุดลอก และกำจัดสิ่งขวางทางน้ำให้ทันก่อนเข้าช่วงมรสุมในปลายปี 2554 นี้
      
       ทั้งนี้ โครงการชลประทานตรัง ได้รับงบประมาณตามโครงการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากอุทกภัย ปี 2554 รวมจำนวน 161 ล้านบาท มีแผนงานฟื้นฟูและแก้ไขแบ่งเป็น 3 แผนงาน คือ แผนงานดำเนินการระยะเร่งด่วน แบ่งเป็นแผนงานซ่อมแซมฟื้นฟูอาคารชลประทานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย แผนงานขุดลอกคลอง จำนวน 5 โครงการ แผนงานซ่อมแซมและปรับปรุงผนังกั้นน้ำ ที่ได้รับความเสียหายจำนวน 3 จุด คือ ที่ตำบลบางรัก ตำบลหนองตรุด และตำบลนาตาล่วง อำเภอเมืองตรัง จำนวน 2 แผนงาน
      
       ส่วนแผนงานดำเนินการระยะกลาง ประกอบด้วย โครงการพัฒนาพื้นที่เก็บกักน้ำ (แก้มลิง) หนองกก ตำบลนาท่ามใต้ อำเภอเมืองตรัง วงเงิน 72 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2555 และโครงการพัฒนาพื้นที่เก็บกักน้ำ (แก้มลิง) ทุ่งน้ำผุด ตำบลนาตาล่วง อำเภอเมืองตรัง วงเงิน 120 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2556-2558
      
       ขณะที่แผนงานดำเนินการระยะยาว ได้แก่ การสำรวจ ออกแบบโครงการป้องกันอุทกภัยเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่ง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถลดปัญหาการเกิดน้ำท่วมให้น้อยลงได้ และประชาชนจะเดือดร้อนลดลง โดยเฉพาะโครงการแก้มลิงนั้น จะสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ช่วงหน้าแล้งได้อีกทางหนึ่งด้วย
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

รดน้ำศพ 3 ทหารกล้าเหยื่อระเบิด อ.กะพ้อ

ปัตตานี - รดน้ำศพ 3 ทหารกล้าเหยื่อคนร้ายลอบวางระเบิดที่ อ.กะพ้อ จนท.เผยรู้เบาะแสแล้ว พร้อมติดตามไล่ล่าคนร้ายอย่างต่อเนื่อง-เชื่อกบดานในพื้นที่ ส่วนทหารกล้าที่เสียชีวิตพร้อมกันอีก 2 นาย ญาติได้นำกลับไปประกอบพิธีฝังศพตามหลักศาสนาอิสลามก่อนหน้าแล้ว ด้าน อส.ทพ.อนันต์ รัตนะ ที่บาดเจ็บสาหัส แพทย์ยังคงดูแลอย่างใกล้ชิด
      
       
วันที่ 16 ก.ย.54 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่วัดสุวรรณากรณ์ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พลตรีโชค เพิกโสภณ รอง ผอ.กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด ร้อย ร.4415 กรมทหารพรานที่ 44 จำนวน 3 นาย ประกอบด้วย จ.ส.อ.เชิดศักดิ์ ทำมาไหว อส.ทพ.ประกายศักดิ์ ดุลจม และ อส.ทพ.สมศักดิ์ ประจงรัมย์ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่นำประชาชนที่ป่วยไปส่งโรงพยาบาลกะพ้อ โดยระหว่างเดินทางกลับฐาน ได้ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกดฉนวนระเบิดที่ฝังไว้ใต้ถนน เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตทันที 5 นาย และบาดเจ็บสาหัส 1 นาย เหตุเกิดในพื้นที่ ม.7 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.)
      
       โดยมี นายสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พลตรีชาญชัย ภู่ทอง ผบ.ฉก.ปัตตานี ข้าราชการตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วมรดน้ำศพจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ได้มีการมอบเงินเยียวช่วยเหลือเบื้องต้น และมอบเหรียญกล้าหาญบางระจันแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อเป็นเกียรติประวัติ จากนั้นจะมีพิธีส่งศพทหารกล้าทั้ง 3 นายกลับภูลำเนาอย่างสมเกียรติ โดยส่งศพ จสอ.เชิดศักดิ์ กลับไปยัง จ.ขอนแก่น ศพ อส.ทพ.ประกายศักดิ์ ส่งกลับไปยัง จ.อุบลราชธานี และ ศพ อส.ทพ.สมศักดิ์ ส่งกลับไปยัง จ.บุรีรัมย์
      
       ส่วนศพของ อส.ทพ.มะรอเซะ หะรีมาแซ และ อส.ทพ.ธีรสาร จิจจักร ญาติไปนำไปทำพิธีฝังศพตามหลักศาสนาอิสลามไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วน อส.ทพ.อนันต์ รัตนะ ขณะนี้ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหารปัตตานี โดยอาการยังสาหัส แพทย์ยังคงต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
      
       สำหรับความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.กะพ้อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ร่วมกันประชุมสรุปสถานการณ์ที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งนำวัตถุพยานต่าง ๆ ที่เก็บในที่เกิดเหตุมาขยายผล
      
       นอกจากนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนยังได้รายงานความคืบหน้าในการสืบพยานบุคคลในที่เกิดเหตุด้วย เบื้องต้นทราบว่า ก่อนหน้านี้มีรายงานความเคลื่อนไหวของบุคคลแปลกหน้าที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มแนวร่วมที่รวมกันระหว่างในพื้นที่และต่างพื้นที่มาก่อเหตุ และพอที่จะรู้เบาะแสแล้วว่าเป้นกลุ่มไหน แต่ยังให้รายละเอียดไม่ได้ ต้องรอผลพิสูจน์จากนิติวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบโดยเฉพาะปลอกกระสุนปืนอาร์ก้าของคนร้าย ทั้งนี้ คาดว่า 2-3 วันจึงจะรู้ผลชัดเจน
      
       ขณะที่ พอ.นิติ ติณสูลานนท์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 44 ได้นำกำลังทหารพรานร่วมกับทหาร ฉก.ปัตตานี 25 และตำรวจ ติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ อ.กะพ้อ เพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะยังกบดานในพื้นที่
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์